การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์วิชาภาษาอังกฤษระหว่าง นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่สี่ ที่เรียนตามระดับความสามารถของแต่ละบุคคล กับที่เรียนตามแบบธรรมดา ในโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ระหว่างกลุ่มนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนด้วยระบบวิธีสอนแบบใหม่ (คือเรียนตามระดับความสามารถของแต่ละบุคคล) กับกลุ่มนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนด้วยระบบวิธีสอนแบบเดิม (คือเรียนตามแบบธรรมดา) ในโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมุ่งเปรียบเทียบในด้านความสามารถในการฟัง การอ่าน และการเขียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสอบ 3 ฉบับ ซึ่งผู้วิจัยสร้างขึ้นเอง ได้แก่ แบบสอบความเข้าใจในการฟัง แบบสอบความเข้าใจในการอ่าน และแบบสอบความสามารถในการเขียน ซึ่งได้นำมาวิเคราะห์ก่อนนำไปใช้จริง แบบสอบทั้งสามฉบับนี้อยู่ในเกณฑ์ง่ายแต่มีอำนาจจำแนกสูง แบบสอบความเข้าใจในการฟัง มีค่าความเชื่อถือได้ .743 แบบสอบความเข้าใจในการอ่าน มีค่าความเชื่อถือได้ .852 และแบบสอบความสามารถในการเขียน มีค่าความเชื่อถือได้ .908 นำแบบสอบทั้งสามฉบับไปทดสอบกับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างที่จับคู่ไว้ 32 คู่ โดยใช้คะแนนร้อยละของการสอบไล่ปลายปีชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2516 เป็นเกณฑ์ในการจับคู่กลุ่มตัวอย่าง นำคะแนนที่ได้มาทดสอบความมีนัยสำคัญของค่าความแตกต่างระหว่างมัชฌิมเลขคณิต โดยการทดสอบค่าที (t-test method) ผลการวิจัย 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ระหว่างนักเรียนที่เรียนตามระดับความสามารถของแต่ละบุคคล กับนักเรียนที่เรียนตามแบบธรรมดาในโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่แตกต่างกัน 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษด้านความเข้าใจในการฟัง และการอ่านของนักเรียนทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกัน 3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนตามแบบธรรมดา มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษด้านความสามารถในการเขียน สูงกว่านักเรียนที่เรียนตามระดับความสามารถของแต่ละบุคคล อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05