ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพในกรุงเทพมหานคร

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายที่จะศึกษาถึงประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพในกรุงเทพมหานคร เพื่อหาเกณฑ์เฉลี่ยการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพในกรุงเทพมหานคร และเปรียบเทียบประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของพยาบาลในโรงพยาบาลรัฐบาลและเอกชน พยาบาลที่มีอายุในการทำงานที่ต่างกัน และพยาบาลที่มีคุณวุฒิระดับต่ำกว่าปริญญาตรี และปริญญาตรี ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือพยาบาลประจำการที่ปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยของโรงพยาบาลรัฐบาลและเอกชนในกรุงเทพมหานคร จำนวน 13 โรงพยาบาล สุ่มตัวอย่างมา 240 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่าเพื่อประเมินประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของพยาบาล ซึ่ง วรรณวิไล ชุ่มภิรมย์ ได้สร้างไว้ในปีการศึกษา 2517 ได้ตรวจสอบความตรง โดยผู้ทรงคุณวุฒิทางการพยาบาล และตรวจสอบค่าความเที่ยง ได้ค่าความเที่ยงภายนอก .705 และค่าความเที่ยงภายใน .954 และ .946 แบบสำรวจนี้ประกอบด้วยคุณลักษณะ 5 ด้าน มีข้อรายการทั้งหมด 89 ข้อ และให้พยาบาลหัวหน้าตึกหรือหัวหน้าหน่วยของพยาบาลที่ได้รับเลือกจากการสุ่มตัวอย่างเป็นผู้ประเมิน เป็นจำนวน 240 ฉบับ ได้คืนกลับมาตลบ 240 ฉบับ นำข้อมูลมาวิเคราะห์โดยคำนวณหามัชฌิมเลขคณิต ความเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของพยาบาลโรงพยาบาลรัฐบาลเอกชน และพยาบาลที่มีคุณวุฒิระดับต่ำกว่าปริญญาตรี และปริญญาตรี ทดสอบภาวะแห่งความแปรปรวน ทดสอบค่าที (t – Test) และได้วิเคราะห์ความแปรปรวนเพื่อทดสอบความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยของประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของพยาบาลที่มีอายุในการทำงานต่ำกว่า 3 ปี, 4 ถึง 6 ปี, 7 ถึง 9 ปี และ 10 ปีขึ้นไป โดยการทดสอบค่าเอฟ (F – Test) ผลการวิจัย 1. เกณฑ์เฉลี่ยของประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพในกรุงเทพมหานครจัดอยู่ในระดับดี 2. ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของพยาบาลในโรงพยาบาลรัฐบาลและเอกชนไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ทั้งคุณลักษณะโดยส่วนรวม และแต่ละด้าน ซึ่งสนองสมติฐานที่ตั้งไว้ 3. ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของพยาบาลที่มีอายุในการทำงานต่ำกว่า 3 ปี, 4 ถึง 6 ปี, 7 ถึง 9 ปี และ 10 ปีขึ้นไป ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ทั้งคุณลักษณะโดยส่วนรวมและแต่ละด้าน ซึ่งไม่สนองสมมติฐานที่ตั้งไว้ 4. ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของพยาบาลที่ระดับต่ำกว่าปริญญาตรี และปริญญาตรี ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ซึ่งไม่สนองสมมติฐานที่ตั้งไว้ แต่เมื่อพิจารณาคุณลักษณะแต่ละด้าน พบว่า คุณลักษณะด้านความคิดริเริ่มของพยาบาลระดับต่ำกว่าปริญญาตรี และปริญญาตรีแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยค่าคะแนนเฉลี่ยของพยาบาลระดับปริญญาตรีสูงกว่าพยาบาลระดับต่ำกว่าปริญญาตรี ผลการวิจัยสนองสมมติฐานที่วางไว้เพียงข้อเดียว