Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/32593
Title: | การรักษารอยโรคเคอราโตซีส พิลาริส โดยใช้เลเซอร์ชนิดลองพัลส์ เอ็นดี:แย้ก |
Other Titles: | Long-pulsed Nd:YAG laser for the treatment of keratosis pilaris lesions |
Authors: | พิชัย แซ่ลิ่ม |
Advisors: | ประวิตร อัศวานนท์ |
Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะแพทยศาสตร์ |
Advisor's Email: | fibrosis@gmail.com |
Subjects: | ผิวหนัง -- โรค -- การรักษา เคอราโตซิส -- การรักษา ผิวหนัง -- โรค -- ศัลยกรรมด้วยแสงเลเซอร์ เคอราโตซิส -- ศัลยกรรมด้วยแสงเลเซอร์ นีโอดีเมียม-แย็ก เลเซอร์ -- การใช้รักษา Skin -- Diseases -- Treatment Keratosis -- Treatment Skin -- Diseases -- Laser surgery Keratosis -- Laser surgery Nd-YAG lasers -- Therapeutic use |
Issue Date: | 2553 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | ความสำคัญและที่มาของงานวิจัย : โรคเคอราโตซีส พิลาริส เป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อยในวัยรุ่น การรักษาโรคเคอราโตซีส พิลาริส ด้วยยาทา ส่วนใหญ่ได้ผลไม่ดี และการนำเลเซอร์มาใช้ในการรักษายังมีการศึกษาค่อนข้างน้อย วัตถุประสงค์ : เพื่อประเมินประสิทธิผลของการรักษาโรคเคอราโตซีส พิลาริส ด้วยเลเซอร์ชนิดลองพัลส์ เอ็นดี:แย้ก วิธีการศึกษา : ผู้เข้าร่วมการศึกษาที่มีรอยโรคเคอราโตซีส พิลาริส ที่ต้นแขนด้านนอกทั้งสองข้าง จำนวน 18 คน ต้นแขนข้างหนึ่งรักษาด้วยเลเซอร์ลองพัลส์ เอ็นดี:แย้ก ความยาวคลื่น 1064 นาโนเมตร พลังงาน 34 J/cm², 30 msec ทุก 4 สัปดาห์ รวม 3 ครั้ง และติดตามการรักษาอีก 4 สัปดาห์หลังการรักษาครั้งสุดท้าย ต้นแขนด้านที่ไม่ได้รับการรักษาเป็นกลุ่มควบคุม ประเมินผลการรักษาโดยแพทย์ผิวหนัง 3 ท่าน จากภาพถ่าย ก่อนและหลังการรักษา ผลการศึกษา : ผู้เข้าร่วมวิจัย 17 คน จากผลการศึกษาพบว่า ลักษณะโดยรวม, ความแดงและจำนวนผื่นโดยรวมของผื่นเคอราโตซีส พิลาริสลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม (p<0.05) แต่ไม่พบความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ในด้านความขรุขระของผื่นเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม อย่างไรก็ตาม เมื่อสิ้นสุดโครงการวิจัย ผู้เข้าร่วมวิจัยทั้งหมดรู้สึกว่าผื่นดีขึ้น และพึงพอใจต่อการรักษา และไม่พบผลข้างเคียงจากการรักษาด้วยเลเซอร์ในผู้เข้าร่วมวิจัยเลย สรุปผล : เลเซอร์ลองพัลส์ เอ็นดี:แย้ก ความยาวคลื่น 1064 นาโนเมตรสามารถลดรอยโรคเคอราโตซีส พิลาริสที่ต้นแขนด้านนอกดีกว่ากลุ่มควบคุม ที่ 4 สัปดาห์หลังการรักษาครั้งสุดท้าย |
Other Abstract: | Background: Keratosis pilaris is a common disorder in adolescence. Topical treatment including emollients, lactic acid, salicylic acid and retinoic acid have provided unsatisfactory results and there are few reports regarding laser for keratosis pilaris. Objectives: To evaluate the efficacy of long-pulsed Nd:YAG laser for the treatment of keratosis pilaris lesions. Materials and Methods: Eighteen patients with untreated keratosis pilaris on the upper outer arms were enrolled in a randomized clinical trial. One arm was treated with 1064 nm long-pulsed Nd:YAG laser at pulse width 30 msec, fluence 34 J/cm². The patients received 3 consecutive treatments at 4-week intervals. At baseline, 4 weeks after the last treatment, photographs were taken. Three blinded dermatologists assessed digital photographs using a quartile grading system to rate a global assessment score, erythema score and hyperkeratotic papules score. Results: Seventeen patients completed the study. There were statistically significant differences in global improvement scores, erythema scores and hyperkeratotic papules scores at 4 weeks after the last treatment (p < .05). All patients stated that their lesions improved and were satisfied with the laser treatment. Conclusion: 1064 nm long-pulsed Nd:YAG laser has been shown to improve keratosis pilaris at the upper outer arms when compared with control at 4 weeks after the last treatment. |
Description: | วิทยานิพนธ์ (วท.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2553 |
Degree Name: | วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต |
Degree Level: | ปริญญาโท |
Degree Discipline: | อายุรศาสตร์ |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/32593 |
URI: | http://doi.org/10.14457/CU.the.2010.1704 |
metadata.dc.identifier.DOI: | 10.14457/CU.the.2010.1704 |
Type: | Thesis |
Appears in Collections: | Med - Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
pichai_sa.pdf | 1.71 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.