Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/55117
Title: | ความสัมพันธ์ของความคลั่งไคล้ศิลปิน การเห็นคุณค่าในตนเอง การเผชิญปัญหาและความสุขเชิงอัตวิสัยของแฟนคลับเยาวชน |
Other Titles: | RELATIONSHIP AMONG CELEBRITY WORSHIP,SELF-ESTEEM, COPING, AND SUBJECTIVE WELL-BEING OF YOUTH FANS |
Authors: | ศิรินทร์ ตันติเมธ |
Advisors: | อรัญญา ตุ้ยคำภีร์ |
Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะจิตวิทยา |
Advisor's Email: | Arunya.T@Chula.ac.th,atuicomepee@gmail.com |
Issue Date: | 2559 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของความคลั่งไคล้ศิลปิน การเห็นคุณค่าในตนเอง การเผชิญปัญหา และความสุขเชิงอัตวิสัยของแฟนคลับเยาวชน กลุ่มตัวอย่าง เป็นแฟนคลับเยาวชนไทย จำนวน 418 คน ที่มีอายุระหว่าง 18-25 ปี อายุเฉลี่ย 20.97 ปี (ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 2.30) ที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ มาตรวัดความคลั่งไคล้ศิลปิน มาตรวัดการเห็นคุณค่าในตนเอง มาตรวัดการเผชิญปัญหา และ มาตรวัดความสุขเชิงอัตวิสัย วิเคราะห์ข้อมูลโดยค่าสถิติสหสัมพันธ์แบบเพียร์สันและการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า 1) ความคลั่งไคล้ศิลปินรูปแบบการชื่นชอบเพื่อความบันเทิงและสังคมมีความสัมพันธ์ทางบวกกับความสุขเชิงอัตวิสัยของแฟนคลับเยาวชนไทยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = .08, p < .05) การเห็นคุณค่าในตนเองมีความสัมพันธ์ทางบวกกับความสุขเชิงอัตวิสัยของแฟนคลับเยาวชนไทยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ (r = .77, p < .01) การเผชิญปัญหาแบบมุ่งจัดการกับปัญหา การแสวงหาแหล่งสนับสนุนช่วยเหลือ และการตั้งสติจัดการกับปัญหาการเผชิญปัญหา มีความสัมพันธ์ทางบวกกับความสุขเชิงอัตวิสัยของแฟนคลับเยาวชนไทยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = .62, p < .01; r = .19, p < .05; และ r = .28, p < .01 ตามลำดับ) ส่วนการเผชิญปัญหาแบบหลีกหนีปัญหา และแบบจมดิ่งกับอารมณ์ มีความสัมพันธ์ทางลบกับความสุขเชิงอัตวิสัยของแฟนคลับเยาวชนไทยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = -.34, p < .01 และ r = -.61, p < .01 ตามลำดับ) 2) การเห็นคุณค่าในตนเอง การเผชิญปัญหาแบบมุ่งจัดการกับปัญหา การแสวงหาแหล่งสนับสนุนช่วยเหลือ การจมดิ่งกับอารมณ์ สามารถร่วมกันทำนายความสุขเชิงอัตวิสัยของเยาวชนได้ และอธิบายความแปรปรวนของความสุขเชิงอัตวิสัยได้ร้อยละ 67 (p < .05) โดยตัวแปรที่สามารถทำนายความสุขเชิงอัตวิสัยได้มากที่สุดคือ การเห็นคุณค่าในตนเอง (β = .77, p < .001) รองลงมาได้แก่ การเผชิญปัญหาแบบจมดิ่งกับอารมณ์ (β = -.26, p < .001) การเผชิญปัญหาแบบมุ่งจัดการกับปัญหา (β = .15, p < .001) และ การเผชิญปัญหาแบบแสวงหาแหล่งสนับสนุนช่วยเหลือ (β = .10, p < .01) |
Other Abstract: | This present study aimed to examine the relationship among celebrity worship, self-esteem, coping and subjective well-being of fanclub youth, Participants were 418 fanclub youth with age range from 18-25 (mean age = 20.97, SD = 2.30) years old who live in Bangkok metropolis and the adjacent areas. Instruments were Celebrity Worship Scale, Self-Esteem Scale, Coping Scale and Subjective Well-Being Scale. Pearson’s product-moment correlation and multiple regression were used to analyse the data. Finding reveal: 1) Entertainment- social celebrity worship is significantly and positively correlated with subjective well-being of youth fans (r = .08, p < .05). Self-esteem is significantly and positively correlated with subjective well-being of youth fans (r = .77, p < .01). Positive coping including Problen engagement coping, support seeking coping and mindful planning coping are significantly positively correlated with subjective well-being of youth fans (r = .62, p < .01; r = .19, p < .05; and r = .28, p < .01 respectively). Negative coping including avoidance coping and emotional submission coping are significantly and negatively correlated with subjective well-being of youth fans (r = -.34, p < .01 and r = -.61, p < .01 respectively). 2) Self-esteem, Problen engagement coping, support seeking coping and emotional submission coping and account for 67 percent of the total of variance of subjective well-being of youth fans (p < .05). The most significant predictors of subjective well-being is self-esteem (β = .77, p < .001) followed by emotional submission coping (β = -.26, p < .001) problen engagement coping (β = .15, p < .001) and support seeking coping (β = .10, p < .01). |
Description: | วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2559 |
Degree Name: | ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต |
Degree Level: | ปริญญาโท |
Degree Discipline: | จิตวิทยา |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/55117 |
URI: | http://doi.org/10.58837/CHULA.THE.2016.293 |
metadata.dc.identifier.DOI: | 10.58837/CHULA.THE.2016.293 |
Type: | Thesis |
Appears in Collections: | Psy - Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
5777627338.pdf | 3.74 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.