Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1)เพื่อวิเคราะห์ที่มา แนวคิด และเป้าหมาย ของการศึกษานอกระบบโรงเรียนโดยใช้ละครของบ้านเรียนมรดกใหม่เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต การวิจัยในครั้งนี้จึงเป็นเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ซึ่งเป็นการหาความรู้โดยพิจารณาปรากฏการณ์สังคมจากสภาพแวดล้อมตามความเป็นจริงในทุกมิติ เพื่อหาความสัมพันธ์ของปรากฏการณ์กับสภาพแวดล้อมนั้นซึ่งให้ความสนใจข้อมูลด้านความรู้ ความรู้สึกนึกคิด ความหมาย ค่านิยมหรืออุดมการณ์ของบุคคลและใช้เวลาในการศึกษาติดตามสังเกต และการสัมภาษณ์อย่างไม่เป็นทางการเป็นวิธีหลักในการเก็บรวบรวมข้อมูล
ผลการวิจัยพบว่า 1. การจัดการศึกษานอกระบบโรงเรียนโดยใช้ละครของบ้านเรียนมรดกใหม่เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตนั้นมี ”ที่มา”จากทัศนคติและแนวคิดของผู้นำ องค์กร”ชนประคัลภ์ จันทร์เรือง”ในฐานะ “ผู้อาวุโสสูงสุด”และ“ครู” ที่พร้อม จะเป็นตัวอย่าง ด้วยการฝึกฝนมี “เป้าหมาย” อยู่ที่ “การสร้างคนให้มีวัฒนธรรมการดูละครและการแสวงหาความรู้” และมี “แนวคิด” ที่จะพัฒนาตนเองทั้งครูและผู้เรียนโดยใช้ยึดหลักว่า ละครกับการศึกษาและพุทธศาสนาเป็นเรื่องเดียวกัน เป็นเรื่องเดียวกัน และเมื่อองค์ประกอบหลัก 3 ประการคือ นักแสดงหรือครู/ เรื่องราวหรือ เนื้อหาที่สอน/ และผู้ชม หรือผู้เรียนอยู่ในบรรยากาศที่ หล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียว เมื่อนั้นละครที่แท้จริงหรือการเรียนรู้ที่แท้จริง จึงจะเกิดขึ้น 2. การจัดการศึกษานอกระบบโรงเรียนโดยใช้ละครของบ้านเรียนมรดกใหม่เป็นการจัดการศึกษาเป้าหมายชัดเจนที่ จะเลือกศึกษาอย่างลึกซึ้งเท่าที่จำเป็น “ใบไม้ในกำมือ”, ฝึกพิจารณาแยกแยะข้อดีที่ต้องรักษาและข้อด้อยที่ต้องพัฒนา, เน้นการ ศึกษาในแนวดิ่ง” ต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาต้นไม้เล็ก เกื้อกูลกันด้วย อาวุโสนิยม”, เรียนรู้แบบบูรณาการทุกกลุ่มสาระเรียนรู้ เพื่อนำ ไปสู่การเรียนรู้ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงในชีวิต นอกจากนี้ยังมีวิธีการฝึกตนให้เป็น ผู้พร้อมจะเรียนรู้ตลอดชีวิต ด้วยการฝึกฝนทักษะชีวิต 6 ประการ ซึ่งให้ความสำคัญกับการพึ่งตนเอง ลดการ ยึดติดวัตถุและฝึกพิจารณาถึง ผู้อื่นมากกว่า ตนเอง ได้แก่ การพร้อมใจกัน, ทำพร้อมใจกันเลิก, การทำแล้วทำเล่าจนทำได้, การอยู่อย่างต่ำทำอย่างสูง, การแผ่วที่ผลทำที่เหตุ, การที่ไม่มีเรื่องที่เล่าไม่ได้มีแต่นักแสดงที่เล่าไม่เป็น, การเป็นอย่างที่กิน เป็นอย่างที่อ่าน และเป็นอย่างที่สอนพร้อมกันนั้น ยังบูรณาการกับการฝึกทักษะด้านการละคร 7 ประการตามแนวทาง “โพชฌงค์ 7” ได้แก่ เรียนรู้รูปแบบ(สติ), ฝึกรูปแบบ (ธัมมวิจยะ), ฝึกรูปแบบจนไม่ติดยึดกับรูปแบบ(วิริยะ), หนีรูปแบบ เข้าหา เนื้อใน(ปิติ), หาวิธีฝังเนื้อในในรูปแบบ (ปัสสัทธิ), รูปแบบเนื้อในเป็นหนึ่งเดียว(สมาธิ), รูปแบบเนื้อในไหลเลื่อนเคลื่อนไปด้วยตัวเอง (อุเบกขา) กระบวนการฝึกทักษะละคร 7 ข้อดังกล่าวนั้นจะนำพาผู้เรียนให้ขบคิด ตั้งคำถามและฝึกฝนตนและเรียนรู้อยู่เป็นเนืองนิตย์อันเป็นแนวทางที่นำไปสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งจากแนวทางดังกล่าวพบว่า ครูและผู้เรียนต้องเป็นผู้แสวงหาความรู้อยู่ตลอดเวลา พร้อมที่จะเป็นตัวอย่างแก่ผู้อื่น โดยกระบวนการเรียนรู้และกิจกรรมการเรียนรู้จะมุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติ การทดลองทดสอบผ่าน สื่อการเรียนรู้ในรูปแบบละคร ดนตรี การศึกษางานศิลปะและการทำโครงงาน ส่วนการประเมินผลนั้นจะเน้นที่ การทำได้ ทำเป็น ประกอบกับการทำบันทึกของการเรียนรู้ทั้งจากครูและผู้เรียนเอง