dc.contributor.author |
อมรรัตน์ บุบผโชติ |
|
dc.contributor.other |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะครุศาสตร์ |
|
dc.date.accessioned |
2016-05-30T10:43:31Z |
|
dc.date.available |
2016-05-30T10:43:31Z |
|
dc.date.issued |
2558 |
|
dc.identifier.uri |
http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/47690 |
|
dc.description.abstract |
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)เปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาทางฟิสิกส์ระหว่างก่อน และหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยการตั้งปัญหา 2)เปรียบเทียบมโนทัศน์ฟิสิกส์ระหว่างก่อน และหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยการตั้งปัญหา 3)เปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาทางฟิสิกส์ของนักเรียนกลุ่มที่เรียนโดยการตั้งปัญหากับกลุ่มที่เรียนแบบปกติ 4)เปรียบเทียบมโนทัศน์ฟิสิกส์ของนักเรียนกลุ่มที่เรียนโดยการตั้งปัญหากับที่เรียนแบบปกติ กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสาธิต สังกัดมหาวิทยาลัยของรัฐในกรุงเทพมหานคร ที่เรียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557 จำนวน 2 ห้องเรียน โดยพิจารณาจากค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนนสอบวิชา ว33204 ฟิสิกส์ 4 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 แบ่งเป็นกลุ่มทดลองจำนวน 30 คน เรียนฟิสิกส์โดยการตั้งปัญหา และกลุ่มควบคุมจำนวน 32 คน เรียนฟิสิกสืด้วยวิธีสอนแบบปกติ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ 1)แบบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาทางฟิสิกส์ มีค่าความยากอยู่ระหว่าง 0.30 - 0.73 ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.30 - 0.54 และได้ค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.84 2)แบบวัดมโนทัศน์ เรื่อง ความร้อนและทฤษฏีจลน์ของแก๊ส มีค่าความยากอยู่ระหว่าง 0.30 - 0.80 ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.27 - 0.60 และได้ค่าความเที่ยวเท่ากับ 0.71 ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1.นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่เรียนโดยการตั้งปัญหามีความสามารถในการแก้ปัญหาทางฟิสิกส์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2.นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่เรียนโดยการตั้งปัญหามีมโนทัศน์ฟิสิกส์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3.นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่เรียนโดยการตั้งปัญหามีความสามารถในการแก้ปัญหาทางฟิสิกส์สูงกว่านักเรียนแบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4.นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่เรียนโดยการตั้งปัญหามีมโนทัศน์ฟิสิกส์สูงกว่านักเรียนที่เรียนแบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 |
|
dc.description.abstractalternative |
The purposes of this research were 1)to compare problem solving ability of an experimental group before and after learning through using problem posing in organizing learning activity, 2)to compare physics concepts of an experimental group before and after learning through using problem posing in organizing learning activity 3)to compare problem solving ability of students between an experimental group learned through using problem posing in organizing learning activity and a control group learned through a conventional method and 4)to compare physics concepts of students between an experimental group learned through using problem posing in organizing learning activity and a control group learned through a conventional method. The sample of this study was Mathayomsuksa six students of the Demonstration School Under state University in Bangkok Metropolis, in the first semester of academic year 2014. The sample waw divided into two groups: an experimental group with 30 students and a control with 32 students. The research instrument were 1)the problem solving ability test with the difficulty level between 0.30 - 0.73, the discrimination level between 0.32 - 0.54 and the reliability of 0.84, and 2)the test on concepts of physics in the topic of Heat and Kinetic Theory of Gases with the difficulty level between 0.30 - 0.80, the discrimination level between 0.27 - 0.60 and the reliability of 0.71. The research findings were summarized as follow: 1.After the treatment, the problem solving ability of the students in the experimental group learned by using problem posing in organizing learning activity was higher than before the treatment at the .05 level of significance. 2.After the treatment, the physics concepts of the student learned by using problem posing in organizing learning activity was higher than before the tratment at the .05 level of significance. 3.The mean score of problem solving ability test of the experimental group was higher than the mean score of the control group at .05 level of significance. 4.The mean score of the test on physic concepts of the experimental group was higher than the mean score of the control group at .05 level of significance. |
|
dc.description.sponsorship |
เงินทุนเพื่อการวิจัย กองทุนคณะครุศาสตร์ พ.ศ. 2552 |
en_US |
dc.language.iso |
th |
en_US |
dc.publisher |
คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.rights |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.subject |
ฟิสิกส์ |
en_US |
dc.subject |
ฟิสิกส์ -- การศึกษาและการสอน (มัธยมศึกษา) |
en_US |
dc.subject |
ฟิสิกส์ -- แผนการสอน |
en_US |
dc.subject |
การแก้ปัญหา |
en_US |
dc.title |
ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยการตั้งปัญหาที่มีต่อความสามารถในการแก้ปัญหาทางฟิสิกส์และมโนทัศน์ฟิสิกส์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม : รายงานการวิจัย |
en_US |
dc.title.alternative |
Effects of using problem posing in organizing learning activity on physics problem solving ability and concepts of upper secondary students of Chulalongkorn University Demonstration Secondary School |
en_US |
dc.type |
Technical Report |
en_US |
dc.email.author |
ไม่มีข้อมูล |
|
dc.discipline.code |
0804 |
en_US |