Abstract:
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการป้องกันการ หกล้มของผู้สูงอายุในชุมชน ก่อนและหลังการใช้โปรแกรมการป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุในชุมชน 2) เพื่อ เปรียบเทียบประสิทธิผลของทีมการพยาบาลในการป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุก่อนและหลังการใช้โปรแกรม การป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุในชุมชน กลุ่มตัวอย่างมี 2 กลุ่มคือ 1) พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในหน่วย บริการปฐมภูมิโรงพยาบาลเชียงกลางและหน่วยบริการปฐมภูมิระดับตำบล จำนวน 12 คน 2) ผู้สูงอายุเป็น ผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยงต่อการหกล้ม ที่มีอายุ 60-75 ปี จำนวน 34 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 3 ส่วนคือ ส่วนที่ 1 เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินการทดลอง คือ แผนการอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องการพัฒนาโปรแกรมการป้องกันการ หกล้มของผู้สูงอายุในชุมชน แนวปฏิบัติโปรแกรมการป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุในชุมชน คู่มือการปฏิบัติการ ป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุในชุมชนสำหรับพยาบาลและคู่มือการป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุและ ครอบครัว ส่วนที่ 2 เครื่องมือกำกับการทดลอง ได้แก่ แบบวัดความรู้การป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุสำหรับ พยาบาล แบบวัดความรู้การป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุในชุมชนสำหรับอสม.และเครื่องมือบันทึกการออก กำลังกายเพื่อฝึกการทรงตัวของผู้สูงอายุ และส่วนที่ 3 เครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล มี 2 ชุดคือ 1) แบบสอบถาม ประสิทธิผลของทีมการพยาบาลในการป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุ 2) แบบสัมภาษณ์พฤติกรรมการป้องกันการหก ล้มของผู้สูงอายุในชุมชน ผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ท่าน ได้ค่าความตรงเท่ากับ 1 และ .77 ตามลำดับ และทดสอบความเที่ยง โดยหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค ได้ค่าความเที่ยงเท่ากับ .89 และ.77 ตามลำดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติ ทดสอบที (Dependent t-test) ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. พฤติกรรมการป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุในชุมชน หลังการใช้โปรแกรมการป้องกันการหกล้ม ของผู้สูงอายุในชุมชน สูงกว่าก่อนการใช้โปรแกรมการป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุในชุมชน อย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05 (t = -6.07, p = .00) 2. ประสิทธิผลของทีมการพยาบาลในการป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุในชุมชน หลังการใช้โปรแกรม การป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุในชุมชนสูงกว่าก่อนการใช้โปรแกรมการป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุใน ชุมชน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (t = -3.96, p = .002)