DSpace Repository

การให้ความร่วมมือเป็นพยานบุคคลในคดีอาญา : ศึกษากรณีสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี

Show simple item record

dc.contributor.advisor จุฑารัตน์ เอื้ออำนวย
dc.contributor.advisor ฐิติยา เพชรมุนี
dc.contributor.author ลิขิต ถนอมเชื้อ
dc.contributor.other จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะรัฐศาสตร์
dc.coverage.spatial ไทย
dc.date.accessioned 2008-03-21T07:25:23Z
dc.date.available 2008-03-21T07:25:23Z
dc.date.issued 2548
dc.identifier.isbn 9741424892
dc.identifier.uri http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/6339
dc.description วิทยานิพนธ์ (สค.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2548 en
dc.description.abstract การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาถึงการให้ความร่วมมือเป็นพยานบุคคลในคดีอาญาของประชาชนในสังคม (2) ศึกษาความเชื่อมั่นของประชาชนต่อประสิทธิภาพของการคุ้มครองความปลอดภัยของพยานบุคคล ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 และ 3) เพื่อเสนอแนะมาตรการที่เหมาะสมกับการคุ้มครองพยานบุคคลในสังคมไทย การวิจัยครั้งนี้ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือ โดยการสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญจากกลุ่มประชาชนผู้ที่เดินทางมาขอรับบริการที่สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี จำนวน 400 คน จากนั้นนำข้อมูลที่ได้รับไปทำการประมวลผลด้วยโปรแกรม SPSS วิเคราะห์หาค่าทางสถิติ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Chi-Square และ t-test ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 ผลการวิจัย พบว่า เพศชายให้ความร่วมมือเป็นพยานในคดีอาญามากกว่าเพศหญิงพยานที่ประกอบอาชีพแตกต่างกันให้ความร่วมมือเป็นพยานบุคคลในระดับที่แตกต่างกัน และพยานที่รู้สึกไม่ปลอดภัยให้ความร่วมมือเป็นพยานบุคคลในระดับต่ำ นอกจากนี้ ผลการวิจัยยังพบต่อไปอีกว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการพิเศษในพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 อันได้แก่การเปลี่ยนแปลงชื่อ-นามสกุล การเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัย และการจัดหาอาชีพให้ใหม่ แสดงให้เห็นว่ามาตรการพิเศษเหล่านี้ไม่สามารถทำให้พยานรู้สึกปลอดภัย ดังนั้น รัฐควรแสวงหามาตรการที่สอดคล้องและเหมาะสมกับสภาพสังคมไทยด้วย จึงจะมีผลทำให้พยานรู้สึกปลอดภัยอยากให้ความร่วมมือ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมต่อไป en
dc.description.abstractalternative The objectives of this research are to study (1) the cooperation to be a witness in criminal cases of the people. (2) peoples confidence toward the safety witness protection programs under the Witness Protection in Criminal Case Act 2003 and (3) to recommend the suitable and practical measures for witness protection in Thai society. The research is a field research that used quantitative methods. Questionnaires were conducted with 400 people who walk in and asked for some services from police at the Lumpini Police Station, selected by accidental random sampling. The SPSS computer program processed the collected data and described the analyzed data in Percentage, Mean, Standard Deviation, Chi-Square and t-test at the 0.05 level of significance. The finding revealed that male gives much more cooperation to be a witness in criminal cases than female gives. The witnesses with different occupations express different level of their cooperaton. The witnesses who feel insecure tend to show less cooperation. Furthermore, the research found that most of the samples did not agree with the use of special measures under the Witness Protection in Criminal Case Act 2003, such as establishing a new identity for a witness (name, address and occupation) etc. It seems that these measures are not practical because they could not help witnesses feel much more safety than before. Thus, Thai government should formulate the new measures with regard to the local society that fit to promote safety witnesses protection and cooperation for positive impacts on crime prevention and suppression in the future. en
dc.format.extent 1475245 bytes
dc.format.mimetype application/pdf
dc.language.iso th es
dc.publisher จุฬาลงกรณ์์มหาวิทยาลัย en
dc.relation.uri http://doi.org/10.14457/CU.the.2005.373
dc.rights จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย en
dc.subject พยานบุคคล -- การคุ้มครอง -- ไทย en
dc.subject พยานบุคคล -- การคุ้มครองความปลอดภัย en
dc.subject พยานบุคคล en
dc.subject คดีอาญา en
dc.subject พยานบุคคล -- การคุ้มครอง -- ไทย en
dc.title การให้ความร่วมมือเป็นพยานบุคคลในคดีอาญา : ศึกษากรณีสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี en
dc.title.alternative The cooperation to be a witness in criminal cases : a case study of the Lumpini Police Station en
dc.type Thesis es
dc.degree.name สังคมวิทยามหาบัณฑิต es
dc.degree.level ปริญญาโท es
dc.degree.discipline สังคมวิทยา es
dc.degree.grantor จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย en
dc.email.advisor jutharat.u@chula.ac.th
dc.email.advisor Thitiya.P@Chula.ac.th
dc.identifier.DOI 10.14457/CU.the.2005.373


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record