Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาประสิทธิภาพการประมาณค่าพารามิเตอร์ ผู้สอบระหว่างการประมาณค่าโดยโมเดลประมาณค่าพารามิเตอร์แบบอิทธิพลเจาะจงข้อสอบกับแบบอิทธิพลสุ่มข้อสอบ 3 รูปแบบ คือ รูปแบบสุ่มผู้สอบ-เจาะจงข้อสอบ (RPFI) รูปแบบเจาะจงผู้สอบ-สุ่มข้อสอบ (FPRI) และรูปแบบสุ่มผู้สอบ-สุ่มข้อสอบ (RPRI) ด้วยโมเดลการตอบสนองข้อสอบ 1 พารามิเตอร์ โดยศึกษากับข้อมูลจำลอง (simulation) จากโปรแกรม R และประมวลผลภายใต้คำสั่งการประมวลผลด้วยโปรแกรม WinBUGS ด้วยการเชื่อมโยงผ่านคำสั่ง R2 WinBUGS Package โดยจำลองข้อมูลที่แตกต่างกัน 48 เงื่อนไข (4 x 3 x 4) ประกอบด้วย 1) ลักษณะการแจกแจงก่อนหน้าของความยากข้อสอบ 4 แบบ คือ Normal, Uniform, Negative skew และ Positive skew 2) ความยาวของแบบทดสอบ 3 เงื่อนไข คือ 30, 60 และ 90 ข้อ และ 3) จำนวนผู้สอบ 4 เงื่อนไข คือ 100, 300, 500 และ 1,000 คน กำหนดจำนวนการทำซ้ำจำนวน 1,000 รอบในแต่ละเงื่อนไข การประเมินประสิทธิภาพของการประมาณค่าพารามิเตอร์ผู้สอบพิจารณาจากความคลาดเคลื่อนในการประมาณค่าพารามิเตอร์และค่าเฉลี่ยความคลาดเคลื่อนกำลังสอง นอกจากนี้ได้ศึกษากับข้อมูลผลการสอบ O-Net ปีการศึกษา 2553 ของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายวิชาภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และภาษาไทย โดยสุ่มผู้สอบจำนวน 100, 300, 500 และ 1,000 คน ในแต่ละรายวิชา การประเมินประสิทธิภาพของการประมาณค่าพารามิเตอร์ผู้สอบพิจารณาจากค่าสถิติ Akaike criterion (AIC) ผลการวิจัยพบว่า 1) โมเดลการประมาณค่าพารามิเตอร์ผู้สอบรูปแบบ FPRI ที่ลักษณะการแจกแจงความยากข้อสอบแบบ Normal มีความคลาดเคลื่อนในการประมาณค่าพารามิเตอร์และค่าเฉลี่ยความคลาดเคลื่อนกำลังสอง มีค่าต่ำที่สุดสำหรับข้อมูลจำลอง และเป็นโมเดลที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในเกือบทุกเงื่อนไขที่ศึกษา 2) โมเดลการประมาณค่าพารามิเตอร์ผู้สอบรูปแบบ FPRI มีประสิทธิภาพในการประมาณค่าสอดคล้องกับข้อมูลมากที่สุด รองลงมาคือ รูปแบบ RPRI และ รูปแบบ RPFI ตามลำดับ สำหรับข้อมูลผลการสอบ O-NET