Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพและปัญหาของการมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน ของโรงเรียนนำร่อง ระดับมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา จากกลุ่มตัวอย่าง 3 กลุ่ม คือ 1) ผู้บริหารโรงเรียน 2) คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 3) หัวหน้าหมวดวิชา โดยใช้เครื่องมือในการวิจัย 3 ชนิด คือ 1) แบบสัมภาษณ์อย่างมี โครงสร้าง (Structured - interview) 2) แบบสอบถาม (Questionair) ลักษณะเลือกตอบ (Checklist) 3)แบบศึกษาเอกสาร (Document Study) วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรม SPSS for windows ผลการวิจัยการมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารโรงเรียนโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานพบว่า 1) ด้านการบริหารวิชาการ พบว่าชุมชนมีส่วนร่วมในเรื่องการพัฒนาหลักสูตรระดับสถานศึกษาและการพัฒนาสื่อและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาโดยมีส่วนร่วมในลักษณะร่วมคิด และมีส่วนร่วมในการปฏิรูปการเรียนรู้ในลักษณะร่วมประเมิน ตัวแทนชุมชนที่มีส่วนร่วมในการบริหารวิชาการ คือ ผู้แทนครู 2) ด้านการบริหารงบประมาณ พบว่าชุมชนมีส่วนร่วมในเรื่องการระดมทรัพยากรและการลงทุนทางการศึกษาและการตั้งงบประมาณ โดยมีส่วนร่วมในลักษณะร่วมทำ ตัวแทนชุมชนที่มีส่วนร่วมในด้านการบริหารงบประมาณ คือ ผู้แทนปกครองและผู้แทนครู 3) ด้านการบริหารบุคคล พบว่าชุมชนมีส่วนร่วมในเรื่องการเตรียมการบริหารบุคลากร,การเสริมสร้างวินัยและจรรยาบรรณ, การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยมีส่วนร่วมในลักษณะร่วมคิด และมีส่วนร่วมในเรื่องการพัฒนาวิชาชีพครูโดยมีส่วนร่วมในลักษณะร่วมทำ ตัวแทนชุมชนที่มีส่วนร่วมในด้านการบริหารบุคคล คือผู้แทนครู, ผู้แทนองค์กรชุมชนและผู้แทนผู้ปกครอง 4) ด้านการบริหารทั่วไป พบว่า ชุมชนมีส่วนร่วมในการส่งเสริมศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม, การพัฒนานโยบายและการวางแผน โดยมีส่วนร่วมในลักษณะร่วมทำ และมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจการพิเศษในสถานศึกษาโดยมีส่วนร่วมในลักษณะร่วมคิด ตัวแทนชุมชนที่มีส่วนร่วมในด้านการบริหารบุคคล คือ ผู้แทน ผู้ปกครอง ปัญหาการมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารโรงเรียนโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน 1) ปัญหาด้านการบริหารวิชาการ พบว่ามีปัญหา ครูบางท่านต้องสอนหลายวิชาหลายระดับขั้น จึงไม่มีเวลาประสานงานกับชุมชนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และชุมชนขาดความรู้ความเช้าใจในหลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 2) ปัญหาด้านการบริหารงบประมาณ พบว่า ชุมชนและบุคลากรขาดความรู้ความเข้าใจในการจัดตั้งงบประมาณแบบใหม่ (PBB : performance Based budgeting) และปัญหาสภาพทางเศรษฐกิจของชุมชนไม่เอื้อต่อการสนับสนุนโรงเรียน 3) ปัญหาด้านการบริหารบุคคล พบว่า ครูมีภาระงานสอนมากจึงไม่มีเวลาติดต่อกับชุมชน, นโยบายของโรงเรียนไม่เอื้อให้ชุมชนมีส่วนร่วม, การประสานงานระหว่างโรงเรียนกับชุมชนล่าช้า เนื่องจากโรงเรียนไม่มีผู้ทำหน้าที่ประสานงานกับชุมชนโดยตรง 4) ด้านการบริหารทั่วไป พบว่า ชุมชนขาดทักษะและความชำนาญในการกำหนดนโยบายและการวางแผนหรือแนวทางการพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา, การมีส่วนร่วมจาก ชุมชน บุคคลภายนอก องค์กรเอกชน องค์กรท้องถิ่น ถูกจำกัดเฉพาะเป็นการเข้าร่วมประชุมชี้แจงเท่านั้นและปัญหาข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับชุมชน ด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมไม่ได้ถูกนำมาวิเคราะห์เพื่อบูรณาการเข้าในสถานศึกษา