Abstract:
วัตถุประสงค์ของการวิจัย การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ในการเรียนภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการฝึกจากเพื่อนแบบรายบุคคลและแบบกลุ่ม วิธีดำเนินการวิจัย 1. ตัวอย่างประชากร เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคกลาง ปีการศึกษา 2529 ของโรงเรียนบ้านท่ามะกา สำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งแบ่งเป็น 2 กลุ่มทดลอง คือ 1. 1 กลุ่มทดลองที่ 1 เรียนและฝึกด้วยวิธีให้เพื่อนช่วยฝึกแบบรายบุคคล โดยนักเรียนผู้สอนฝึกกิจกรรมให้นักเรียนผู้เรียน ในอัตราส่วนหนึ่งต่อหนึ่ง 1.2 กลุ่มทดลองที่ 2 เรียนและฝึกด้วยวิธีให้เพื่อนช่วยฝึกแบบกลุ่ม โดยนักเรียนผู้สอนฝึกกิจกรรมให้นักเรียนผู้เรียน ในอัตราส่วนหนึ่งต่อห้า 2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 2. 1 แผนการสอน ผู้วิจัยเรียบเรียงขึ้นจากหนังสือคู่มือครู English Is Fun Book Three บทเรียนที่ 7 และบทเรียนที่ 8 จำนวน 20 แผน รวมเวลาสอนตามแผนทั้งสิ้น 10 สัปดาห์ แผนการสอนนี้ได้ผ่านการตรวจพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 ท่าน 2.2 แบบสอบวัดสัมฤทธิผลในการเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งผู้วิจัยสร้างขึ้นและผ่านการตรวจพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิเช่นเดียวกับแผนการสอน 3. ขั้นตอนในการสอน ผู้วิจัยดำเนินการสอนกลุ่มทดลองทีละกลุ่มดังนี้ 3.1 ผู้วิจัยสอนเนื้อหาตามแผนการสอน 3. 2 แบ่งกลุ่มนักเรียนฝึกกิจกรรมตามรูปแบบของการทดลอง 3.3 ในขณะที่นักเรียนผู้สอนกำลังฝึกกิจกรรมให้นักเรียนผู้เรียน ผู้วิจัยเดินตรวจดูพร้อมทั้งให้คำแนะนำ และตอบข้อซักถาม 4. เมื่อดำเนินการสอนตามแผนการสอนทั้ง 20 แผนเรียบร้อยแล้ว ผู้วิจัยได้ดำเนินการสอบวัดสัมฤทธิผลในการเรียนภาษาอังกฤษของนักเรียนทั้ง 2 กลุ่มทดลองโดยใช้แบบสอบวัดสัมฤทธิผลที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น นำคะแนนที่ได้จากการทดสอบนักเรียนทั้ง 2 กลุ่มทดลองมาวิเคราะห์เปรียบเทียบในการเรียน โดยการทดสอบค่าที (t-test) ผลการวิจัย จากการทดสอบสัมฤทธิผล ปรากฎว่าคะแนนเฉลี่ยของกลุ่มทดลองกลุ่มที่ให้เพื่อนช่วยฝึกแบบกลุ่มเท่ากับ 72.63 ในขณะที่คะแนนเฉลี่ยของกลุ่มที่ได้รับการฝึกแบบรายบุคคลได้เท่ากับ 69.27 แสดงว่ามีสัมฤทธิผลสูงกว่า แต่จากการเปรียบเทียบค่าคะแนนเฉลี่ยของนักเรียนทั้งสองกลุ่มด้วยค่าที (t-test) แล้วพบว่าคะแนนไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ที่ระดับความมีนัยสำคัญ .05 ซึ่งสรุปได้ว่า การสอนด้วยวิธีให้เพื่อนช่วยฝึกแบบรายบุคคลและแบบกลุ่ม ให้ผลไม่แตกต่างกัน