Abstract:
การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายตามกฎหมายการป้องกันการผูกขาดหรือกฎหมายการแข่งขันทางการค้ามีความสำคัญมากต่อผู้ประกอบธุรกิจในกรณีที่เป็นผู้เสียหาย เพราะเป็นเครื่องมือสำคัญของผู้เสียหายในการได้รับค่าเสียหายจากผู้กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายป้องกันการผูกขาดต่อผู้เสียหาย ทั้งนี้ผู้ประกอบธุรกิจในฐานะผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องได้ 2 ทาง ได้แก่ ฟ้องร้องตามกฎหมายการแข่งขันทางการค้า อันได้แก่ พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 และ/หรือ ฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทน ตามมาตรา 420 421 ของกฎหมายลักษณะละเมิด อันเป็นกฎหมายทั่วไป ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่บทบัญญัติที่เกี่ยวกับการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายของเอกชนตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 นี้นั้น บัญญัติไว้เพียง 2 มาตราเท่านั้น ซึ่งไม่แตกต่างกับการฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนในกฎหมายละเมิด ในประมวลแพ่งและพาณิชย์แต่อย่างใด อีกทั้งไม่ได้บัญญัติสิ่งใดไว้เป็นพิเศษอันจะจูงใจให้เอกชนมาฟ้องตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้าแต่อย่างใด
ด้วยเหตุนี้ผู้เขียนจึงศึกษาวิเคราะห์การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายตามกฎหมายละเมิด และการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายตามกฎหมายการแข่งขันทางการค้าของกฎหมายเยอรมัน กฎหมายญี่ปุ่น และกฎหมายสหรัฐอเมริกา เพื่อใช้ในการศึกษาเปรียบเทียบและวิเคราะห์กับกฎหมายของไทย ซึ่งจากการศึกษาพบว่า พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 นั้นไม่ได้มีบทบัญญัติใดพิเศษอันแตกต่างจากการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายตามกฎหมายละเมิดแต่อย่างใด ดังนั้นเพื่อเป็นการส่งเสริมการแข่งขันอย่างเสรี และเป็นธรรม สมควรที่จะแก้ไขพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 ด้วยการให้ผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลได้ต่อเมื่อคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้ามีคำสั่งว่าผู้ประกอบธุรกิจได้กระทำการฝ่าฝืน เพื่อเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกฎหมาย และหากคณะกรรมการมีคำสั่งว่าผู้ประกอบธุรกิจใดได้กระทำการฝ่าฝืนตามที่คณะกรรมการมีความเห็นหรือสั่งฟ้องคดีให้ผู้ประกอบธุรกิจนั้นมีภาระการพิสูจน์ต่อศาล เพื่อเป็นประโยชน์ต่อเอกชนในการฟ้องและสืบพยานในคดี อีกทั้งหากศาลวินิจฉัยว่าผู้ประกอบการธุรกิจกระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติดังกล่าว ให้ศาลสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจจ่ายค่าเสียหาย 3 เท่า เพิ่มขึ้นจากจำนวนค่าเสียหายที่แท้จริงเพื่อให้แตกต่างจากบทบัญญัติเรื่องละเมิด และเป็นการป้องปรามการกระทำในอนาคต และแก้ไขบทบัญญัติเรื่องอายุความเพื่อความเหมาะสมในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายตามกฎหมายการแข่งขันทางการค้า