Abstract:
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) วิเคราะห์สภาพปัจจุบันของผลิตภาพการผลิตในอุตสาหกรรมผลไม้ แปรรูป (2) เพื่อวิเคราะห์สภาพปัจจุบันและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายโอนความรู้เพื่อการผลิตในอุตสาหกรรมผลไม้แปรรูปตามนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรม 4.0 และ (3) เพื่อนำเสนอรูปแบบการถ่ายโอนความรู้เพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิตในอุตสาหกรรมผลไม้แปรรูปตามนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยใช้การวิจัยทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ผลการวิจัยพบว่า 1) แนวโน้มวิธีการผลิตแบบฟรีซดรายและแบบสเตอริไลซ์ใน SMEs ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน ส่วน SMEs ที่มียอดขายเฉลี่ยต่ำกว่า50 ล้านบาทต่อปีมีสัดส่วนมากกว่า SMEs ที่มียอดขายเฉลี่ยเกินกว่า 50 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ตลาดการจำหน่ายผลไม้แปรรูปเป็นตลาดส่งออกชายแดนเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งพบว่าปัจจัยวัตถุดิบผลไม้สดและปัจจัยแรงงานมีความสัมพันธ์โดยตรงกับผลิตภาพการผลิตในอุตสาหกรรมผลไม้แปรรูป ส่วนปัจจัยการถ่ายโอนความรู้ไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงต่อผลิตภาพการผลิตในอุตสาหกรรมผลไม้แปรรูป 2) สภาพปัจจุบันพบว่าผู้ประกอบการ SMEs ได้รับความรู้มาจากการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองเป็นส่วนใหญ่และผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับคุณภาพมาตรฐานของผลไม้แปรรูปเป็นอันดับแรก รองลงมาเป็นด้านการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งพบว่าพนักงานส่วนใหญ่ใน SMEs ไม่พร้อมรับความรู้ด้านเทคโนโลยีเข้ามาใช้ภายในองค์กร และเครื่องมือภายใน SMEs ที่ใช้รับความรู้จากภายนอกเข้าสู่องค์กรอยู่ในเกณฑ์ระดับต่ำ นอกจากนี้พบว่า ผู้ประกอบการขาดความรู้ในการพัฒนาเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพ ขาดความรู้ด้านการส่งออกสินค้า ขาดความรู้การผลิตสินค้าภายใต้ตราสินค้าของตนเอง แต่มีความตระหนักในนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรม 4.0 กับอุตสาหกรรมผลไม้แปรรูปว่าเป็นแนวทางที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในสินค้าและสร้างโอกาสในการแข่งขัน ส่วนปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การขาดการศึกษาถึงความต้องการในความรู้ของผู้ประกอบการ SMEs ก่อนถ่ายโอนความรู้จากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง การขาดเครือข่าย การขาดการติดตามผล และขาดวิธีการถ่ายโอนความรู้ที่เหมาะสมจากหน่วยงานรัฐ 3) รูปแบบการถ่ายโอนความรู้คือ IMMUNE ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบ ได้แก่ 1.Initiation 2.Methods 3.Monitoring 4.User Satisfaction 5.Network 6. Eco - Friendly