Abstract:
โปรแกรมการส่งเสริมความพร้อมทางการเรียนของนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 1 เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างครูกับผู้ปกครองในการสนับสนุนให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ให้เกิดความรู้ ทักษะ และทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้ ตลอดจนสามารถปรับตัวในช่วงระยะรอยเชื่อมต่อระหว่างชั้นอนุบาลสู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ได้อย่างราบรื่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาหลักการออกแบบและต้นแบบโปรแกรมส่งเสริมความพร้อมทางการเรียนฯ และวิเคราะห์ผลที่เกิดขึ้นกับเด็กจากการนำต้นแบบโปรแกรมส่งเสริมความพร้อมทางการเรียนฯ สู่การปฏิบัติ การวิจัยนี้ใช้แนวคิดการวิจัยการออกแบบโดยแบ่งการดำเนินงานเป็น 3 ระยะ ในระยะที่ 1 เป็นการศึกษาประสบการณ์ผู้ใช้จากครูและผู้ปกครองที่คัดเลือกด้วยวิธีการแบบก้อนหิมะจำนวน 10 คน ระยะที่ 2 เป็นการนำข้ออ้างเชิงเหตุผลร่วมกับข้อมูลจากผลการศึกษาประสบการณ์ผู้ใช้มาออกแบบหลักการและต้นแบบโปรแกรมส่งเสริมความพร้อมทางการเรียนฯ และระยะที่ 3 เป็นการนำการต้นแบบโปรแกรมส่งเสริมความพร้อมทางการเรียนของนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 1 ไปทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 29 คน ผู้ปกครองของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 29 คน และครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 2 คน นำมาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้สถิติและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยใช้การวิเคราะห์เนื้อหา และถอดบทเรียนจากการวิจัยเป็นหลักการออกแบบใหม่สำหรับโปรแกรมการส่งเสริมความพร้อมทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
1) หลักการออกแบบที่ใช้ในการออกแบบโปรแกรมฯ ประกอบด้วย 2 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) องค์ประกอบเชิงสาระ ประกอบด้วย 1.1) การจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความพร้อมทางการเรียน 1.2) การประสานความร่วมมือกับผู้ปกครองในการส่งเสริมความพร้อมทางการเรียน และ 1.3) การทำงานร่วมกันระหว่างครูและผู้ปกครองและ 2) องค์ประกอบเชิงกระบวนการ ประกอบด้วย 2.1) กระบวนการส่งเสริมความพร้อมที่โรงเรียน 2.2) กระบวนการประสานความร่วมมือกับผู้ปกครอง และ 2.3) กระบวนการส่งเสริมความพร้อมที่บ้าน ซึ่งดำเนินงานคู่ขนานกันตลอดโปรแกรม โดยโปรแกรมฯ แบ่งการดำเนินงานเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 เตรียมการก่อนเปิดเรียน ระยะที่ 2 ส่งเสริมการปรับตัวสู่โรงเรียนใหม่ ระยะที่ 3 สร้างรอยเชื่อมต่อในการเรียนรู้ ใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น 101 ชั่วโมง
2) ผลการใช้โปรแกรมส่งเสริมความพร้อมทางการเรียนฯ พบว่า 2.1) นักเรียนที่เข้าร่วมการวิจัย จำนวน 29 คน มีความพร้อมทางการเรียนทุกด้าน (ด้านอารมณ์สังคม และด้านทักษะทางวิชาการ) สูงกว่าก่อนการใช้โปรแกรมส่งเสริมความพร้อมทางการเรียนฯ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 2.2) ผู้ปกครองมีบทบาทในการส่งเสริมความพร้อมทางการเรียนฯ ทุกด้าน (ด้านการสื่อสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมความพร้อมทางการเรียน ด้านการส่งเสริมความพร้อมทางการเรียนที่บ้าน และด้านการมีส่วนร่วมกับโรงเรียนในการส่งเสริมความพร้อมทางการเรียน) สูงกว่าก่อนการใช้โปรแกรมส่งเสริมความพร้อมทางการเรียนฯ และ 2.3) ครูมีบทบาทในการส่งเสริมความพร้อมทางการเรียนฯ ทุกด้าน (ด้านการเตรียมการสำหรับการเริ่มเข้าเรียนของเด็ก ด้านการจัดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องให้กับเด็ก และด้านการเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองเป็นหุ้นส่วน) สูงกว่าก่อนการใช้โปรแกรมส่งเสริมความพร้อมทางการเรียนฯ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05