Abstract:
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบอัจฉริยะด้วยการเรียนจาก กรณีศึกษาเพื่อเสริมสร้างความรู้ในการให้คำปรึกษาด้านสื่อการเรียนการสอนสำหรับอาจารย์นิเทศก์ระดับประถมศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ครูประจำการระดับประถมศึกษาตอนปลายกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและ วัฒนธรรมจำนวน 397 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทำแบบทดสอบเพื่อทำเหมืองข้อมูลได้แก่อาจารย์นิเทศก์จำนวน 295 คน และกลุ่มตัวอย่างในการทดลองบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบอัจฉริยะ ได้แก่อาจารย์นิเทศก์จำนวน 30 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วย ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test K-means ต้นไม้การตัดสินใจ Apriori ผลการวิจัย พบว่า 1. การเลือกใช้สื่อการเรียนการสอนของครูจะเลือกใช้สื่อการเรียนการสอนประเภทไม่ใช้เครื่องฉายมากที่สุดได้แก่ แผนที่ภาพถ่าย ประเภทใช้เครื่องฉายมากที่สุดได้แก่ เครื่องวิดีโอโพรเจ็กเตอร์หรือเครื่องแอลซีดี ประเภทสื่อประสมมากที่สุด ได้แก่ บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนและประเภทเทคโนโลยีการเรียนการสอนมากที่สุดได้แก่ โปรแกรม PowerPoint 2. รูปแบบบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบอัจฉริยะด้วยการเรียนจากกรณีศึกษาเพื่อเสริมสร้างความรู้ในการ ให้คำปรึกษาด้านสื่อการเรียนการสอนสำหรับอาจารย์นิเทศก์ระดับประถมศึกษามีองค์ประกอบ 4 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) โมดูลการติดต่อสื่อสารเป็นส่วนเป็นการปฏิสัมพันธ์ระหว่างคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบอัจฉริยะกับอาจารย์นิเทศก์ ได้แก่ การคลิกเมาส์ การป้อนข้อความ การทำแบบทดสอบ การแสดงข้อความ 2) โมดูลอาจารย์นิเทศก์เป็นส่วนที่บันทึกข้อมูลของ อาจารย์นิเทศก์ ได้แก่ กลไกการจัดการข้อมูลประกอบด้วยการจัดเก็บข้อมูลและการนำเสนอข้อมูล กลไกการวินิจฉัยผู้เรียน ประกอบด้วยคะแนนแบบทดสอบ การวินิจฉัยอาจารย์นิเทศก์ โมเดลอาจารย์นิเทศก์ การจำแนกอาจารย์นิเทศก์ การจัดกลุ่ม อาจารย์นิเทศก์ กฎความสัมพันธ์และการทำนายอาจารย์นิเทศก์ 3) โมดูลการสอนเป็นส่วนของเนื้อหาสาระเกี่ยวกับสื่อการ เรียนการสอนและวิธีการสอนด้วยกรณีศึกษา 4) โมดูลความเชี่ยวชาญมีองค์ประกอบได้แก่ การให้คำปรึกษาและการวิเคราะห์การให้คำปรึกษา 3. ผลการทดลองใช้รูปแบบบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบอัจฉริยะด้วยการเรียนจากกรณีศึกษาเพื่อ เสริมสร้างความรู้ในการให้คำปรึกษาด้านสื่อการเรียนการสอนสำหรับอาจารย์นิเทศก์ระดับประถม ศึกษาพบว่า อาจารย์นิเทศก์มีความรู้ในการให้คำปรึกษาด้านสื่อการเรียนการสอนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05