Please use this identifier to cite or link to this item:
https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/42944
Title: | ความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับอุดมการณ์ว่าด้วยชายรักชายในหนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทย ปี พ.ศ. 2555: การศึกษาวาทกรรมวิเคราะห์เชิงวิพากษ์ |
Other Titles: | THE RELATIONSHIP BETWEEN LANGUAGE AND IDEOLOGY OF MALE HOMOSEXUALITY IN THAI DAILY NEWSPAPERS IN 2012: A CRITICAL DISCOURSE ANALYSIS |
Authors: | คชาธิป พาณิชตระกูล |
Advisors: | เทพี จรัสจรุงเกียรติ |
Other author: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะอักษรศาสตร์ |
Advisor's Email: | jtepee@chula.ac.th |
Subjects: | วจนะวิเคราะห์เชิงวิพากษ์ หนังสือพิมพ์ Critical discourse analysis Newspapers |
Issue Date: | 2556 |
Publisher: | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract: | วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มุ่งศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างกลวิธีทางภาษากับอุดมการณ์ว่าด้วยชายรักชายในวาทกรรมหนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทย ตามแนววาทกรรมวิเคราะห์เชิงวิพากษ์ ข้อมูลที่ศึกษาประกอบด้วยข่าว และบทความที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย จากหนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทย 6 ชื่อฉบับ ได้แก่ ไทยรัฐ เดลินิวส์ ข่าวสด มติชน แนวหน้า และสยามรัฐ ที่ตีพิมพ์ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ผลการวิจัยการศึกษาลักษณะตัวบทที่นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายในหนังสือพิมพ์รายวันภาษาไทย พบว่า พื้นที่ของหนังสือพิมพ์มีความสำคัญอย่างมากในการรับรู้ของผู้รับสาร กล่าวคือ ตัวบทเกี่ยวกับชายรักชายที่นำเสนอในพื้นที่หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์จะเข้าถึงมวลชนได้มากกว่าพื้นที่หน้าอื่นๆของหนังสือพิมพ์ ด้วยเหตุนี้พื้นที่ในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์จึงมีอิทธิพลต่อการชักจูงความคิดของคนในสังคมให้ไปในทางที่สื่อมวลชนต้องการให้เป็นมากกว่าพื้นที่ในหน้าอื่นๆ กลวิธีทางภาษาที่สื่ออุดมการณ์ว่าด้วยชายรักชายมีกลวิธีทางวัจนภาษา 11 กลวิธี ได้แก่ การเลือกใช้คำหรือกลุ่มคำ การใช้มูลบท การใช้ทัศนภาวะ การใช้อุปลักษณ์ การใช้ประโยคกรรม การกล่าวอ้าง การใช้คำถามวาทศิลป์ การกล่าวเกินจริง การใช้สำนวน การใช้สหบท และการเล่าเรื่อง และกลวิธีทางอวัจนภาษามี 4 กลวิธี ได้แก่ การตัดและเน้นข้อความ การใช้สีเพื่อสื่อความหมาย การใช้ความหมายของภาพ การทำหน้าบุคคลในภาพให้พร่ามัว กลวิธีทางภาษาดังกล่าวประกอบสร้างภาพแทนว่า ชายรักชายเป็น “พวกวิปริตผิดเพศ” “ตัวประหลาด” และตกเป็น “จำเลยของสังคม” ส่งผลให้คนในสังคมรู้สึกรังเกียจและกีดกันคนกลุ่มนี้ออกจากสังคมเนื่องจากความคิดเรื่องความไม่เข้ากันและเห็นว่าผิดแปลกไปจากธรรมชาติหรือสิ่งที่ควรจะเป็น นอกจากนี้ยังนำเสนออุดมการณ์ว่าด้วยชายรักชายซึ่งแบ่งออกได้เป็นสองส่วน ส่วนแรกคืออุดมการณ์ที่ตอกย้ำวาทกรรมกระแสหลักของสังคมปรากฏ 3 อุดมการณ์ ได้แก่ 1) ชายรักชายยังไม่ได้รับการยอมรับในสังคม 2) ชายรักชายมักจะมีการแสดงออกที่แตกต่างจากบรรทัดฐานทางสังคม 3) ชายรักชายมักจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องความรักและเพศสัมพันธ์ และส่วนที่สองเป็นอุดมการณ์ที่ต่างไปจากวาทกรรมกระแสหลักปรากฏ 2 อุดมการณ์ ได้แก่ 1) ชายรักชายทำสิ่งต่างๆได้เหมือนบุคคลทั่วไป 2) ชายรักชายประสบความสำเร็จได้ด้วยความสามารถของตนเอง จากอุดมการณ์ทั้ง 2 ส่วนนี้ ผู้วิจัยสังเกตเห็นว่า หากมองอุดมการณ์ในส่วนหลังหากมองอย่างผิวเผินจะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่แท้จริงแล้วนั้นยิ่งกลับเป็นการตอกย้ำชุดความคิดในส่วนแรกให้ชัดเจนยิ่งขึ้น อุดมการณ์ทั้งหมดดังกล่าวนี้ล้วนแฝงอุดมการณ์สำคัญที่ครอบงำสังคมอยู่ คือ "อุดมการณ์รักต่างเพศ" กล่าวคือ ชายรักชายถูกกดทับจากสังคมที่มีชายจริงหญิงแท้เป็นใหญ่ ทั้งยังถูกกีดกันจากสังคมจนต้องกลายเป็น “คนชายขอบ” จึงมีการผลิต "อุดมการณ์ว่าด้วยความเท่าเทียม" ที่พยายามประกอบสร้างชุดความคิดที่แสดงความต้องการความเท่าเทียมกันทางเพศในสังคมขึ้นมาเพื่อแข่งขัน แต่ด้วยวาทกรรมที่ถูกผลิตซ้ำในสื่อกระแสหลัก เช่น “หนังสือพิมพ์” จึงทำได้แค่เพียงขอพื้นที่บางส่วนเท่านั้น ในทางกลับกัน ยิ่งช่วยตอกย้ำ "อุดมการณ์รักต่างเพศ" ที่ครอบงำสังคมอยู่ให้ปรากฏเด่นชัดขึ้น |
Other Abstract: | This thesis aims to examine the relationship between linguistic devices and ideology of male homosexuality in Thai daily newspapers, using Critical Discourse Analysis approach or CDA. The sources of data that were analyzed included news and articles concerning male homosexuality which were obtained from 6 Thai daily newspapers namely Thairath, Daily News, Khaosod, Matichon, Naewna, and Siamrath published from 1st January to 31st December 2012. The research found that the position of news contents is remarkably important to the reader’ s perception; in other words, male homosexual topics highlighted on the front page are easily accessed by the masses compared with other pages. Accordingly, it appeals the readers to comply with what mass media presented. Language choice used to convey the ideology of male homosexuality comprise of 11 verbal languages which are lexical selection, presupposition, modality, metaphor, passive construction, claiming, rhetorical question, hyperbole, idiom, intertexuality and story telling; and 4 non-verbal languages ;for example, cutting and highlighting, using the color to convey meaning, using the definition of the picture and blurring faces in the image. Such techniques represent the representation of male homosexual as “The abnormal sex people”, “the freaks”, and is accused as “the social defendant” which also caused hatred toward these people and brought about the intention to keep them out of the society just because of their differences and unusual behavior. As a result, two points of view on male homosexual are presented as; a view that emphasized social’s dominant discourse, and a view that is against dominant discourse. Firstly, the perspective on a view that emphasized social’s dominant discourse consist of three items: 1) male homosexuals are not accepted as a part of society 2) male homosexual expression is against social norms 3) male homosexual are normally immersed in affection and sexual activity. Secondly, a view that is against dominant discourse is composed of two items: 1) male homosexuals can do activities like other people 2) male homosexuals succeed by their own ability. The researcher noticed that although the latter point of view appeared as positive ideas, it only stressed the former negative point of view. All mentioned ideologies are concealed with significant idea which dominate the society. Such idea described as “Heterosexism Ideology”. Male homosexuals are oppressed from a dominating straight male and female society. They are also excluded from the society and finally became “marginal people”. As a result, “Equality Ideology” is produced. Its purpose is to assemble society’s set of ideas on gender equation to compete with the former ideology. However, the discourse being produced repeatedly in dominant media such as newspaper gains only a few place foe these marginal people to live in. On the contrary, it emphasize “Heterosexism Ideology” that override present society to be more apparent. |
Description: | วิทยานิพนธ์ (อ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2556 |
Degree Name: | อักษรศาสตรมหาบัณฑิต |
Degree Level: | ปริญญาโท |
Degree Discipline: | ภาษาไทย |
URI: | http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/42944 |
URI: | http://doi.org/10.14457/CU.the.2013.417 |
metadata.dc.identifier.DOI: | 10.14457/CU.the.2013.417 |
Type: | Thesis |
Appears in Collections: | Arts - Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
5480117722.pdf | 13.52 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.