Abstract:
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับ แนวโน้ม และปัจจัยกำหนดวุฒิวัยของผู้สูงอายุไทย โดยใช้กรอบแนวคิดวุฒิวัยขององค์การอนามัยโลก ดังนั้นการศึกษาครั้งนี้ จึงกำหนดให้วุฒิวัยของผู้สูงอายุประกอบด้วย 3 ด้าน คือ ด้านสุขภาพ ด้านการมีส่วนร่วม และด้านความมั่นคง และปัจจัยกำหนดที่ส่งผลต่อวุฒิวัยของผู้สูงอายุประกอบด้วย 5 ปัจจัย คือ 1.ปัจจัยทางประชากร 2.ปัจจัยทางสังคม 3.ปัจจัยทางเศรษฐกิจ 4.ปัจจัยทางพฤติกรรม และ 5.ปัจจัยทางเวลา การวิจัยครั้งนี้ ใช้ข้อมูลจากการสำรวจผู้สูงอายุในประเทศไทยปี พ.ศ. 2545 2550 และ 2554 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ โดยเป็นการรวมข้อมูลภาคตัดขวางจาก 3 ปีที่มีการสำรวจ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยคือ ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จำนวนทั้งสิ้น 45,082 คน ผลการศึกษาพบว่า ค่าเฉลี่ยวุฒิวัยของผู้สูงอายุไทย ทั้ง 3 ปี คือ ในปี พ.ศ. 2545 2550 และ 2554 มีค่าเท่ากับ 0.572 ซึ่งอยู่ในระดับปานกลาง โดยค่าเฉลี่ยวุฒิวัยของแต่ละปีมีค่าเท่ากับ 0.525 0.584 และ 0.591 ตามลำดับ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเพิ่มสูงขึ้นของระดับวุฒิวัยของผู้สูงอายุไทย ผลการศึกษาระดับวุฒิวัยในแต่ละด้าน ทั้ง 3 ปี พบว่า ค่าเฉลี่ยวุฒิวัยด้านสุขภาพมีค่าสูงสุด คือ 0.819 รองลงมาคือ วุฒิวัยด้านความมั่นคงมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 0.728 และวุฒิวัยที่มีค่าต่ำสุด คือ วุฒิวัยด้านการมีส่วนร่วมซึ่งมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 0.169 ผลการวิเคราะห์การจำแนกพหุ เมื่อควบคุมปัจจัยอื่นๆ พบว่า ปัจจัยกำหนดที่มีอิทธิพลต่อวุฒิวัยของผู้สูงอายุไทยในปี พ.ศ. 2545 2550 และ 2554 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ประกอบด้วย ปัจจัยทางประชากร (เพศ และอายุ) ปัจจัยทางสังคม (เขตที่อยู่อาศัย ระดับการศึกษา และสถานภาพสมรส) ปัจจัยทางเศรษฐกิจ (รายได้ และสถานภาพการทำงาน) ปัจจัยทางพฤติกรรม (การตรวจสุขภาพ การดูแลปรนนิบัติ และการออกกำลังกาย) และปัจจัยทางเวลา (ปีที่สำรวจ) นอกจากนี้ ปัจจัยทางสังคมสามารถอธิบายการแปรผันของวุฒิวัยผู้สูงอายุไทยได้ดีที่สุด คือ ร้อยละ 13.7 รองลงมาคือ ปัจจัยทางพฤติกรรม ปัจจัยทางเศรษฐกิจ ปัจจัยทางประชากร และปัจจัยทางเวลา โดยอธิบายได้ร้อยละ 9.2 ร้อยละ 8.2 ร้อยละ 6.5 และร้อยละ 6.2 ตามลำดับ ทั้งนี้ ปัจจัยกำหนดทั้ง 5 ปัจจัย สามารถร่วมกันอธิบายการแปรผันของวุฒิวัยผู้สูงอายุไทยได้ร้อยละ 26.4