การเปรียบเทียบค่าความเที่ยงและความตรงของมาตรวัดทัศนคติ แบบลิเคอร์ทที่มีสัดส่วนจำนวนข้อกระทงที่เป็นนิเสธต่างกัน

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบค่าความเที่ยง. ความตรงร่วมสมัย และ ความตรงเชิงจำแนกของมาตรวัดทัศนคติแบบลิเคอร์ท 3ชุด คือ ชุด ก. เป็นมาตรวัดทัศนคติแบบลิเคอร์ทที่มีสัดส่วนจำนวนข้อกระทงที่เป็นนิเสธ 75% ของจำนวนข้อกระทงทั้งหมด.ชุด ข.เป็นมาตรวัดทัศนคติแบบลิเคอร์ทที่มีสัดส่วนจำนวนข้อกระทงที่เป็นนิเสธ 50% ของจำนวนข้อกระทงทั้งหมด.ชุด ค.เป็นมาตรวัดทัศนคติแบบลิเคอร์ทที่มีสัดส่วนจำนวนข้อกระทงที่เป็นนิเสธ 25% ของจำนวนข้อกระทงทั้งหมด กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนิสิตนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ของคณะครุศาสตร์ หรือ ศึกษาศาสตร์ จำนวน 702 คน ของมหาวิทยาลัยส่วนกลาง 4 แห่ง เครื่องมือที่ใช้เป็นมาตรวัดทัศนคติต่อวิชาชีพครู วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าความเที่ยงแบบความคงที่ภายใน โดยวิธีหาสัมประสิทธิ์แอลฟาของ ครอนบาค, หาค่าความตรงร่วมสมัย โดยใช้วิธีหาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน, เปรียบเทียบค่าความเที่ยงและความตรงร่วมสมัยของมาตรวัดทัศนคติทั้ง 3 ชุด ด้วยไคสแควร์ (X²) และเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างกลุ่มนักศึกษาที่มีทัศนคติต่อวิชาชีพครูสูงกับกลุ่มนักศึกษาที่มีทัศนคติต่อวิชาชีพครูต่ำด้วยสถิติทดสอบที (t-test) ผลการวิจัยพบว่า 1.ค่าความเที่ยงของมาตรวัดทัศนคติต่อวิชาชีพครูแบบลิเคอร์ททั้ง 3 ชุดคือ ชุดที่มีอัตราส่วนจำนวนข้อกระทงที่เป็นนิเสธ 75%, 50% และ 25% ตามลำดับ ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2.ค่าความตรงร่วมสมัยของมาตรวัดทัศนคติต่อวิชาชีพครูแบบลิเคอร์ททั้ง 3 ชุด คือ ชุดที่มีอัตราส่วนจำนวนข้อกระทงที่เป็นนิเสธ 75%, 50% และ 25% ตามลำดับ ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3.มาตรวัดทัศนคติต่อวิชาชีพครูแบบลิเคอร์ททั้ง 3 ชุด คือชุดที่มีอัตราส่วน จำนวนข้อกระทงที่เป็นนิเสธ 75%, 50% และ 25% ตามลำดับ มีความตรงเชิงจำแนกเท่าเทียมกัน