Please use this identifier to cite or link to this item: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/68893
Title: บทบาทของสื่อมวลชนในฐานะเวทีสาธารณะในการหาเสียงเลือกตั้งทั่วไป 17 พฤศจิกายน 2539
Other Titles: The role of the mass media as public forum in the November 17, 1996 general election campaign
Authors: รัตนา ทิมเมือง
Advisors: อุบลรัตน์ สิริยุวศักดิ์
Other author: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บัณฑิตวิทยาลัย
Advisor's Email: ไม่มีข้อมูล
Subjects: การสื่อสารทางการเมือง
สื่อมวลชนกับการเมือง
การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง
Communication in politics
Political campaigns
Issue Date: 2541
Publisher: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Abstract: การวิจัยเรื่อง "บทบาทของสื่อมวลชนในฐานะเวทีสาธารณะในการหาเสียงเลือกตั้งทั่วไป 17 พฤศจิกายน 2539 "ศึกษารูปแบบและเนื้อหารายการสนทนาทางโทรทัศน์ รายกาววิทยุและโฆษณาพรรคการเมือง เพื่อวิเคราะห์การทำหน้าที่เวทีสาธารณะของสื่อมวลชนไทยและการใช้พื้นที่ในสื่อของตัวแสดงทางการเมืองที่มีอำนาจและฐานะทางการเมืองที่แตกต่างกันในการเลือกตั้งทั่วไป ผลการศึกษาพบว่า รายการสนทนาทางโทรทัศน์และวิทยุมีรูปแบบเป็นเวทีเปิดมากขึ้นโดยนักการเมืองเป็นตัวแสดงทางการเมืองที่มีโอกาสใช้เวทีในรายการสนทนาทางโทรทัศน์และวิทยุมากที่สุด แต่นักการเมืองไม่อาจเป็นผู้กำหนดประเด็นได้เต็มที่ ทั้งนี้จากการทำหน้าที่ตรวจสอบด้านนโยบายของสื่อมวลชน สิ่งที่น่าสนใจประการแรกคือรายการสนทนาทางโทรทัศน์มีแนวโน้มเป็นเวทีในระดับประเทศ ประการที่สองรูปแบบรายการเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น ประการสุดท้ายเปิดเวทีสัญจรให้ประชาชนในภูมิภาค การศึกษาสปอตโฆษณาพรรคการเมืองทำให้เห็นว่า พรรคการเมืองให้ความสำคัญในการโฆษณาหาเสียงลักษณะสปอต โดยใช้โฆษณานโยบาย ผลงานและภาพลักษณ์พรรค จากโฆษณาสะท้อนว่า พรรคการเมืองใหญ่มีความพยายามที่จะยกระดับให้เป็นพรรคระดับชาติมากขึ้น และเป็นการสร้างภาพ ลักษณ์ของพรรค นอกจากนี้ยังพบว่า สปอตโฆษณาพรรคการเมืองมีรูปแบบเป็นการสื่อสารทางเดียว พรรคเป็นผู้กำหนดเนื้อหาโดยตรง ดังนั้นจึงไม่ก่อให้เกิดการใช้พื้นที่ในสื่ออย่างเปิดกว้าง ขณะที่รายการสนทนาการเมืองทางโทรทัศน์และวิทยุในช่วงเลือกตั้ง มีรูปแบบเป็นการสื่อสารสองทาง แสดงลักษณะเป็นเวทีเปิดมากกว่า ให้โอกาสตัวแสดงทางการเมืองหลายฝ่ายมีส่วนร่วม โดยนักการเมืองมีโอกาสใช้เวทีมากกว่า ฝ่ายประชาชน โดยเฉพาะนักการเมืองระดับหัวหน้าพรรคและนักการเมืองอาวุโส ดังนั้นจึงควรได้รับการส่งเสริมจากสถานีและผู้ที่เกี่ยวข้องให้ตัวแสดงทางการเมืองอื่น ๆ ได้ใช้เวทีสาธารณะในสื่อมากขึ้น และมีโอกาสใช้อย่างเท่าเทียมกัน
Other Abstract: This research was aimed at studying the form and content of talk programs on current affairs on television and radio, as well as advertising spots in order to analyze the role of the Thai media as a public forum during the General Election in 1996. The study, in particular, investigates the public sphere usage of political actors who had different political power and status in the 1996 General Election campaign. It was found that the form of talk programs on television and radio was more opened to politicians than other political actors. However, politicians were not able to totally set the agenda because their policies were examined by the mass media. The interesting point was that television talk programs had a tendency to become a national public forum. Secondly, the programme is more opened to audience participation. Thirdly, it is opened to regional audiences and regional fora for participants in various regions of the country. The study of advertising spots of major political parties showed that political parties paid attention to the campaign in the form of spot promoting their policies, works and images. The campaigns reflected the attempt of large parties to create a national image as well as a diversified image to appeal to regional voters. Furthermore, the advertising spots of major political parties characterized a one-way communication with the parties as the sole agenda setter of its content, Consequently, the public sphere was not equally opened to all political actors. However, political talk programs on television and radio during the 1996 General Election campaign demonstrated a somewhat two-way communication and this produced more open forum which many political actors have an opportunity to take part in, although senior politicians and party leader have more chance in the forum than ordinary citizens. So, this characteristic should be further promoted by the stations and all concerned in the way that citizens could have more participation and equal access in the mass media public forum.
Description: วิทยานิพนธ์ (นศ.ม.)--จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2541
Degree Name: นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level: ปริญญาโท
Degree Discipline: การสื่อสารมวลชน
URI: http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/68893
ISSN: 9743311181
Type: Thesis
Appears in Collections:Grad - Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Rattana_ti_front.pdfหน้าปกและบทคัดย่อ792.97 kBAdobe PDFView/Open
Rattana_ti_ch1.pdfบทที่ 1454.76 kBAdobe PDFView/Open
Rattana_ti_ch2.pdfบทที่ 2886.83 kBAdobe PDFView/Open
Rattana_ti_ch3.pdfบทที่ 3500.86 kBAdobe PDFView/Open
Rattana_ti_ch4.pdfบทที่ 4927.86 kBAdobe PDFView/Open
Rattana_ti_ch5.pdfบทที่ 54.57 MBAdobe PDFView/Open
Rattana_ti_ch6.pdfบทที่ 63.07 MBAdobe PDFView/Open
Rattana_ti_ch7.pdfบทที่ 71.87 MBAdobe PDFView/Open
Rattana_ti_back.pdfบรรณานุกรมและภาคผนวก5.1 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.